เปรียบเทียบ Responsive Website VS Application ธุรกิจคุณควรเลือกอะไรดี?

เปรียบเทียบ Responsive Website VS Application ธุรกิจคุณควรเลือกอะไรดี?

[Banana-Tech]-เปรียบเทียบ-Responsive-Website-VS-Application-ธุรกิจคุณควรเลือกอะไรดี

ปัจจุบันนี้หากจะนำธุรกิจเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ การมีแค่เว็บไซต์ธรรมดาๆ ที่ใช้งานบนเดสก์ท็อปได้ดีนั้นไม่พออีกต่อไป เพราะใครๆ ก็มีสมาร์ทโฟน แถมหลายคนยังไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว หากไม่ได้อยู่ที่ทำงานก็จะใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เท่านั้น และจากการสำรวจผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลกในปี 2021 ก็พบว่ามีการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์ถึง 55% ส่วนเดสก์ท็อปอยู่ที่ 42% ที่เหลืออีกเล็กน้อยคือการใช้ผ่านแท็บเล็ท (ซึ่งการใช้งานแท็บเล็ทก็ถือว่าใกล้เคียงกับโทรศัพท์มากกว่าเดสก์ท็อป)

คำถามต่อมาคือ แล้วเราจะใช้แพลตฟอร์มไหนให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานโทรศัพท์ดี? เพราะมีให้เลือกทั้งการพัฒนาเว็บไซต์แบบ Responsive Website ซึ่งคือการออกแบบเว็บไซต์ให้ปรับเปลี่ยนขนาดตามอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ เดสก์ท็อป หรือแท็บเล็ท และอีกตัวเลือกคือการพัฒนาแอพพลิเคชั่นนั่นเองครับ… วันนี้ Banana Technologies จะมาเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียให้ฟัง พร้อมแนะนำให้ด้วยว่าแบบไหนเหมาะกับธุรกิจของคุณมากกว่ากัน หรือจะทำทั้งสองอย่างเลยดี? มาหาคำตอบกันครับ

Responsive Website

เริ่มกันที่ Responsive Website ที่ทำได้ง่ายกว่าแอพพลิเคชั่นอย่างแน่นอน แต่หลายคนมองข้ามไปเพราะดูไม่ทันสมัย ไม่ตอบโจทย์คนส่วนใหญ่เท่าแอพพลิเคชั่น.. ขอบอกว่าไม่จริงเสมอไปนะครับ ลองมาดูข้อดี-ข้อเสียกันเลย

ข้อดีของ Responsive Website
การพัฒนาใช้เวลาและเงินน้อยกว่า

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องสำคัญก็คือทุน ทั้งทุนด้านการเงินและเวลา ซึ่งการทำ Responsive Website ราคาถูกกว่าและใช้เวลาน้อยกว่าแอพพลิเคชั่น ทั้งในส่วนของการเริ่มพัฒนาและการอัพเดทครับ

ง่ายต่อการทำ SEO มากกว่าแอพพลิเคชั่น

ในเมื่อผู้ใช้โทรศัพท์ยังเข้าถึงธุรกิจเราผ่านเว็บไซต์อยู่ ก็ย่อมง่ายต่อการทำ SEO (Search Engine Optimization) หรือการทำให้เว็บไซต์ติดอยู่อันดับต้นๆ ของการค้นหาบน Search Engine มากกว่าการใช้แอพพลิเคชั่นครับ

มาดูในมุมของ User กันบ้างดีกว่า ใครคิดว่า User ชอบแอพพลิชั่นมากกว่า Responsive Website ต้องมองใหม่แล้วล่ะ

เข้าใช้งานได้เลย ไม่ต้องดาวน์โหลด

ลองนึกถึงเวลาเราเพิ่งรู้จักธุรกิจหรือแพลตฟอร์มไหนใหม่ๆ อยากดูข้อมูล ดูหน้าตาก่อน เราก็ไม่อยากเสียเวลาดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นใช่ไหมครับ นี่ก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่งของ Responsive Website ที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ซึ่งชอบอะไรเร็วๆ หรืออีกกรณีหนึ่งคือแพลตฟอร์มที่เรานานๆ ใช้งานที เราก็ไม่อยากดาวน์โหลดมาเก็บไว้ให้เปลืองพื้นที่เหมือนกัน ดังนั้นโดยรวมแล้ว Responsive Website จึงตอบโจทย์สำหรับแพลตฟอร์มน้องใหม่ และแพลตฟอร์มที่คนไม่ได้ใช้งานทุกวันนั่นเอง

ไม่ต้องคอยอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือไม่ว่าแพลตฟอร์มของคุณจะอัพเดทอะไร เพิ่มฟีเจอร์ไหนๆ ก็ไม่มีผลกระทบกับ User ไม่ต้องคอยอัพเดท สามารถเข้าใช้งานทุกครั้งได้อย่างราบรื่น

และด้วยข้อดีเหล่านี้ของ Responsive Website จึงทำให้มันกลายเป็นพื้นฐานที่ทุกคนต้องมีไปแล้ว แม้แต่หลายธุรกิจที่มีแอพพลิเคชั่น เค้าก็ยังมี Responsive Website เป็นตัวเลือกให้กับ Mobile User ที่ไม่อยากดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนั่นเอง

ข้อเสียของ Responsive Website

ข้อเสียหลักอยู่ในมุมของ User นั่นก็คือ

การใช้งานไม่สะดวกเท่าแอพพลิเคชั่น

แน่นอนว่าการที่ User ต้องเข้าผ่านเบราวเซอร์ย่อมไม่สะดวกเท่าการเข้าแอพฯ และการโหลดต่างๆ บนเว็บไซต์ก็มักจะช้ากว่าด้วยครับ

คนจดจำแบรนด์ได้ยากกว่า

เป็นอีกปัญหาที่ตามมาเมื่อไม่มีแอพพลิเคชั่นให้กดเข้าได้ง่ายๆ จากหน้าจอมือถือ คือคนอาจจะจำแบรนด์เราไม่ได้ ดังนั้นการมีเฉพาะ Responsive Website จึงอาจเหมาะกับแบรนด์ที่ติดตลาด คนจำได้ขึ้นใจแล้ว รวมถึงคู่แข่งของคุณก็ยังไม่มีแอพพลิเคชั่นให้คนเข้าถึงได้ง่ายกว่าด้วย 


Application

เอาล่ะ มาถึงส่วนของแอพพลิเคชั่นกันบ้าง จะดีจะด้อยกว่า Responsive Website อย่างไร ไปดูกันครับ

ข้อดีของแอพพลิเคชั่น
User Experience ดีกว่า

เรื่องแรกที่ทุกคนเดาได้อยู่แล้วล่ะ แอพพลิเคชั่นเหนือกว่าแน่ๆ ในด้าน User Experience ตั้งแต่การเข้าได้จากคลิกเดียว การใช้งานที่ง่ายกว่า ตอบโจทย์กว่า เพราะการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสามารถเพิ่มฟีเจอร์ที่เหมาะกับโทรศัพท์ หรือตัดฟีเจอร์บนเว็บไซต์ที่ไม่เข้ากับโทรศัพท์ออกไปได้ แถมยังสามารถปรับให้เข้ากับระบบปฏิบัติการต่างๆ ได้อีกด้วย

โหลดเร็วกว่า

แน่นอนว่าความเร็วสำคัญมากสำหรับ User ยุคนี้ ซึ่งการโหลดหน้าต่างๆ หรือโหลดรูปภาพของแอพพลิเคชั่น ก็ทำได้เร็วกว่า Responsive Website เนื่องจากองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นถูกตัดออกไป

สร้าง Brand Awareness ได้ดี

ตรงข้ามกับ Responsive Website แอพพลิเคชั่นทำให้ User เห็นแบรนด์เราอยู่เสมอ เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นโลโก้แบรนด์แล้ว ดังนั้นจึงส่งผลดีต่อ Brand Awareness มากๆ ครับ

สามารถใช้งานขณะออฟไลน์ได้

เว็บไซต์สมัยนี้เป็นออนไลน์กันหมดแล้ว แต่ในทางกลับกัน การพัฒนาแอพพลิชั่นสมัยนี้ โหมดออฟไลน์เป็นของต้องมีเลยก็ว่าได้ ข้อดีหลักๆ ของมันก็คือ ถึงแม้สัญญาณอินเตอร์เน็ตจะต่ำ User ก็ยังสามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นหรือเข้าถึง Data ที่จำเป็นได้ ตัวอย่างหนึ่งที่ใกล้ตัวทุกคนดีก็เช่น Spotify ซึ่งเราสามารถโหลดเพลงมาฟังขณะออฟไลน์ได้นั่นเอง

ข้อเสียของแอพพลิเคชั่น
ลงทุนสูง

การพัฒนาแอพพลิเคชั่นมีขั้นตอนมากกว่า Responsive Website มาก จึงต้องลงทุนสูงทั้งเงินและเวลา รวมถึงทีมงานก็ต้องมีความเชี่ยวชาญพิเศษในด้านนี้ด้วย สามารถอ่านเพิ่มเติมเรื่องขั้นตอนและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นได้ที่ อยากพัฒนาแอพพลิเคชั่น ต้องรู้ 5 เรื่องนี้

ต้องดาวน์โหลด

อีก 1 ข้อที่ตรงกันข้ามกับเว็บไซต์ คือการต้องดาวน์โหลดก่อน ซึ่งสำหรับแพลตฟอร์มใหม่ หรือแพลตฟอร์มที่คนไม่ได้ใช้งานบ่อย ตรงนี้ก็เป็นข้อด้อยข้อใหญ่ของแอพพลิชั่นเลยครับ

สรุปอะไรเหมาะกับใคร

โดยสรุปแล้ว การจะเลือกพัฒนาระหว่าง Responsive Website กับแอพพลิเคชั่นนั้น แน่นอนว่ามีเรื่องงบประมาณที่เราต้องคำนึงถึง และนอกจากนั้นก็ควรดูจากองค์ประกอบเหล่านี้

ความถี่ในการใช้งาน

ถ้าธุรกิจของคุณขายสินค้าที่คนต้องใช้งานหรือใช้บริการเป็นประจำ เช่น ฟู้ดเดลิเวอรี่ ขายของใช้ในบ้าน แพลตฟอร์มดูหนังฟังเพลง แพลตฟอร์มอีบุ๊ก ฯลฯ การมีแอพพลิเคชั่นย่อมเหมาะกับ User มากกว่า แต่ถ้าเป็นอะไรที่นานๆ ใช้ทีก็ควรเป็น Responsive Website มากกว่า หรือควรมีทั้งสองอย่าง ให้ User เลือกใช้งานตามสะดวก ตัวอย่างเช่นบริการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก ซึ่งมีทั้ง User ที่ต้องเดินทางบ่อย อยากดาวน์โหลดแอพฯ เก็บไว้ และมี User ที่อยากใช้เว็บไซต์มากกว่า เพราะไม่ค่อยได้เดินทาง ไม่อยากดาวน์โหลดแอพฯ ให้หนักเครื่อง

เป็นธุรกิจใหม่หรือเปล่า

ถ้าคุณเป็นธุรกิจใหม่เอี่ยม แล้วอยากให้คนดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น ก็ต้องทำมาร์เก็ตติงกันเยอะเลยล่ะ เพื่อให้คนมี Awareness ว่าดาวน์โหลดแล้วจะได้อะไร แต่ถ้าประเมินแล้วว่างบมาร์เก็ตติงยังไม่สูงขนาดนั้น อยากให้คนได้มาลองดูลองใช้ด้วยตัวเองก่อน การใช้ Responsive Website ก็น่าจะตอบโจทย์กว่า แล้วหากประสบความสำเร็จค่อยขยับขยายมีแอพพลิเคชั่นเพิ่มในอนาคตก็ได้ครับ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของคุณนะครับ และหากสนใจสอบถามรายละเอียดการพัฒนา Responsive Website หรือแอพพลิเคชั่น สามารถติดต่อ Banana Technologies ได้ที่ไลน์ @BananaTech เลยครับ

Leave A Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *